สิ่งที่ควรจะคำนึงเบื้องต้นก่อนเริ่มออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design)
“แสงสว่าง” อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต ที่ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยให้สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในการสร้าง Mood and Tone ให้กับสถานที่ นั่นจึงทำให้ ‘การออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design)’ กลายเป็นขั้นตอนสำคัญต่อการติดตั้งระบบแสงทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งนอกจากแสงสว่างที่ได้จะต้องเหมาะสมกับสไตล์ของสถานที่แล้ว ยังต้องตอบโจทย์ต่อการใช้อีกด้วย
สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่าการออกแบบแสงสว่างเป็นอย่างไร คล้ายกับการออกแบบห้อง ออกแบบที่อยู่อาศัยหรือไม่ และจะต้องมีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงก่อนออกแบบ บทความนี้มีคำตอบ
“แสงสว่าง” ออกแบบได้ด้วยจริงหรือ?
หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าการออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design) คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในการก่อสร้างอาคารหรือสถานที่ต่าง ๆ มักจะมีการออกแบบแสงเพื่อให้เหมาะสมต่อสถานที่นั้น ๆ โดยเน้นว่าแสงที่ออกแบบจะต้องเข้ากับสถาปัตยกรรมหรืออาคาร รวมถึงยังต้องเหมาะกับการใช้งานภายในพื้นที่ในแต่ละสัดส่วน สำหรับในการออกแบบแสงสว่างภายนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในโซลูชันที่จะเข้ามาช่วยจัดการด้านแสงสว่างให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างที่คุณต้องการ ทั้งในเรื่องของความสวยงามและการใช้ประโยชน์จากแสงไฟ
การออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design) คืออะไร
กระบวนการออกแบบแสงสว่าง คือการคิดคำนวณ ตลอดจนการวางแผนเกี่ยวกับระบบแสงสว่าง เพื่อหาค่าความส่องสว่างให้เพียงพอต่อการใช้งาน รวมไปถึงมาตรฐานในแต่ละพื้นที่ในกรณีที่สถานที่นั้น ๆ มีการกำหนดแสงที่ต้องใช้เอาไว้อย่างชัดเจน
โดยการออกแบบแสงจะต้องพิจารณาในหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของพื้นที่ที่ต้องออกแบบ การตกกระทบและการสะท้อนระหว่างพื้น ผนัง เพดาน ตลอดจนการจัดวางระบบแสงหลักและแสงรอง เพื่อให้เกิดความสว่างให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยการออกแบบแสงสว่างในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้หลัก ๆ ทั้งหมด 2 วิธี ดังนี้
- วิธีออกแบบแสงสว่างแบบ IES (Illumination Engineering Society)
เป็นวิธีการออกแบบแสงสว่างที่อยู่ภายใต้มาตรฐาน BS หรือ British Standards Exposure lndex โดยรายละเอียดของวิธีนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อน มีทั้งเรื่องของการหาค่าตัวเลขความส่องสว่าง และตัวอักษรที่หมายถึงองค์ประกอบของตำแหน่งการวางแสงสว่างที่ต่างกันอย่าง W = Working Plane, S = Switch และ F = Floor อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ต้องลงรายละเอียดค่อนข้างมาก ระยะเวลาที่ใช้ในการคำนวณจึงอาจนานนานตามไปด้วย
- วิธีออกแบบแสงสว่างแบบคำนวณอัตราส่วนของห้อง
สำหรับการออกแบบแสงจากการคำนวณอัตราส่วนของห้อง เป็นขั้นตอนที่มีความรวบรัดกว่าการออกแบบแสงแบบ IES ซึ่งวิธีการนี้ถูกเสนอโดย CIE International Commission on Illumination ที่กำหนดให้หาจำนวนโคมที่ต้องใช้ภายในพื้นที่ รวมไปถึงระยะห่าง และการเขียนแผนผังการติดตั้งจากการคำนวณอัตราส่วนห้อง โดยจุดประสงค์หลักของการใช้วิธีการนี้ นอกจะเป็นวิธีที่รวบรัดแล้ว ยังประหยัดเวลา อีกทั้งยังช่วยให้สามารถกำหนดกำลังไฟฟ้าที่ต้องใช้ไม่ให้เกินค่าที่กฎหมายกำหนดได้ตรงตามมาตรฐาน จึงเหมาะสำหรับการออกแบบในพื้นที่สำนักงาน หรือสถานที่ราชการที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับแสงสว่างเอาไว้
งานออกแบบระบบแสงสว่างในแต่ละประเภท
อย่างไรก็ตามการออกแบบแสงสว่างไม่ใช่เพียงแค่การคำนวณหาค่าแสงที่เหมาะสม แต่ยังมีเรื่องของความสวยงามและการใช้งานเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้การออกแบบแสงสามารถแยกย่อยตามจุดประสงค์ของการติดตั้งได้ถึง 2 ระบบด้วยกัน
ระบบการให้แสงหลัก (Primary Lighting System)
สำหรับระบบการให้แสงสว่างหลัก เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบแสงสว่างเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการออกแบบระบบสำหรับการใช้งาน โดยแสงหลักเหล่านี้จะทำหน้าที่ให้ความส่องสว่าง จึงต้องมีการออกแบบให้เพียงพอต่อมาตรฐานการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ซึ่งการออกแบบแสงหลักก็สามารถแบ่งเป็นระบบย่อย ๆ ได้ ดังนี้
- แสงสว่างทั่วไป (General Lighting): การออกแบบให้แสงสามารถกระจายได้ทั่วบริเวณ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่ต้องการใช้แสงสว่างมากเกินไป หรือต้องการเน้นการประหยัดพลังงานเป็นหลัก
- แสงสว่างเฉพาะที่ (Localized Lighting): การออกแบบที่ให้แสงสว่างเฉพาะพื้นที่ หรือเป็นพื้นที่ที่ต้องการใช้งานเท่านั้น ในภาพรวมจึงไม่มีแสงสว่างที่สม่ำเสมอกันเหมือนแบบแรก แต่ก็ยังคงช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานได้เช่นกัน
- แสงสว่างเฉพาะที่และทั่วไป (Local Lighting + General Lighting): การให้แสงสว่างแบบผสมผสานระหว่างแบบทั่วไป และเฉพาะที่ ซึ่งการให้แสงสว่างแบบนี้จะเหมาะกับงานที่ต้องการได้ความส่องสว่างสูง อย่างไรก็ตามจะต้องยอมรับถึงกำลังไฟฟ้าที่ใช้ และค่าไฟที่จะตามมาเช่นกัน
ระบบการให้แสงรอง (Secondary Lighting System)
ในส่วนของระบบการให้แสงรองก็เหมือนกับการใช้เป็นออฟชั่นเสริม ตอบสนองจุดประสงค์การออกแบบแสงเพื่อความสวยงาม ซึ่งระบบแสงรองจะช่วยให้แสงที่ได้ ดึงดูดสายตาและอารมณ์
สำหรับระบบการให้แสงรองสามารถแบ่งเป็นระบบย่อยได้ ดังนี้
- แสงสว่างแบบส่องเน้น (Accent Lighting): เป็นการออกแบบแสงให้ส่องเน้นเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง หรือใช้กับการส่องเน้นที่วัตถุ เพื่อดึงดูดสายตาให้เกิดความน่าสนใจ ส่วนมากจะใช้ไฟแบบสปอตไลท์ในการออกแบบแสงสว่างส่องเน้น
- แสงสว่างแบบเอฟเฟค (Effect Lighting): การออกแบบแสงสว่างให้เกิดบรรยากาศที่น่าสนใจ มักจะเจอได้ในรูปแบบของการส่องไฟไปที่กำแพง หรือพื้น เพื่อสร้างรูปแบบต่าง ๆ จากแสงให้เกิดความสวยงาม
- แสงสว่างตกแต่ง (Decorative Lighting): นับว่าเป็นการออกแบบแสงที่พบเห็นได้บ่อย ๆ โดยจะเน้นไปทางความสวยงามของหลอดหรือโคมไฟ และใช้สำหรับตกแต่งเพื่อให้เป็นที่สนใจ
- แสงสว่างงานสถาปัตย์ (Architectural Lighting): การออกแบบแสงให้สัมพันธ์กับงานสถาปัตยกรรม เกิดลูกเล่น ความสวยงาม สร้างอารมณ์จากแสงและเงา
สิ่งที่ควรคำนึงระหว่างการออกแบบแสงสว่าง
Lighting Design เป็นโซลูชันที่สามารถส่งผลต่อความพึงพอใจ ทัศนวิสัย และบรรยากาศของสถานที่ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ต้องคำนึงในการออกแบบแสงสว่าง เพื่อให้ได้แสงที่สมบูรณ์และเหมาะสมกับสถานที่มากที่สุด โดยสิ่งที่ควรจะต้องคำนึงหลัก ๆ จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้
- ความสวยงาม VS การประหยัดไฟ
การออกแบบแสงสว่างมีจุดประสงค์หลัก ๆ คือการใช้งานที่เหมาะสม แต่เรื่องของความสวยงามและการประหยัดพลังงานก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ออกแบบให้ความสำคัญ ซึ่งเราอาจจะเห็นได้ว่าการออกแบบแสงสว่างในแต่ละพื้นที่มีความสวยงามและบรรยากาศที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเกิดจาการใช้กำลังไฟ และจำนวนแสงสว่างที่ไม่เท่ากัน
หากใครต้องการความสวยงาม สามารถออกแบบโดยการเน้นใช้แสงไฟไปทั่วบริเวณ แต่อาจต้องยอมแลกกับค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้น แต่หากคุณต้องการเน้นเรื่องประหยัดพลังงานเป็นหลัก จำนวนแสงสว่างที่ใช้อาจต้องลดลง และต้องยอมสละในเรื่องของความสวยงามทิ้งไป
- การเลือกแสงของหลอดไฟให้เหมาะกับสถานที่
เพราะแสงจากหลอดไฟมีความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องสีที่ให้ อุณหภูมิแสง ตลอดจนความสามารถในการให้แสงสว่าง ดังนั้น คุณจะต้องรู้ว่าการออกแบบแสงสว่างในครั้งนี้ คุณคาดหวังกับอะไร ต้องการเน้นการใช้งานแบบไหน หรือต้องการความสวยงามอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกหลอดไฟที่จะใช้กับสถานที่ได้อย่างเหมาะสม
- รูปแบบของหลอดและโคมไฟ
สิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการออกแบบแสงสว่าง นั่นก็คือรูปแบบของหลอดและโคมไฟ ที่จะต้องคำนึงถึงอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลกับภาพรวมหลังจากการติดตั้งแสงสว่าง อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการใช้งานในระยะยาว ว่าจะทนทานมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ราคา และคุณสมบัติในการใช้งาน เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานได้ที่ทนทาน และง่ายต่อการบำรุงรักษา
หากใครกำลังมองหาบริการออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design) สำหรับติดตั้งระบบแสงสว่างทั้งภายในและภายนอกอาคาร ที่บี.กริม เทรดดิ้ง เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการโซลูชันออกแบบแสงสว่างมาตรฐานระดับโลก ที่สามารถตอบสนองกับทุกความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่างคุณภาพสูงที่มีให้คุณเลือกสรรครบในที่เดียว สนใจติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-7103000