ประโยชน์จากหลอดไฟ UV-C
เราคงคุ้นหูกันดีกับรังสี UV-A และ UV-B ในแสงแดด ที่ถึงแม้จะมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นการผลิตวิตามินดีและสามารถนำมารักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ แต่หากได้รับในปริมาณมากและเป็นระยะเวลานานก็จะเป็นอันตรายต่อผิวหนัง สร้างความเสียหายต่อดีเอ็นเอ และก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้
แล้วรังสี UV-C พบได้ที่ไหน
จริงๆ แล้ว รังสียูวีในแสงแดดถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน แต่แสงแดดที่มาถึงพื้นโลกจะมีคลื่นแสงยาวกว่า 290 nm ในขณะที่ UV-C มีช่วงความยาวคลื่นที่ 100 – 280 nm จึงมักมาไม่ถึงผิวโลก ยกเว้นในบริเวณยอดเขาสูง รังสี UV-C เป็นรังสีที่อันตรายต่อมนุษย์ในระดับรุนแรง ทำให้ผิวหนังไหม้เกรียม เยื่อบุตาอักเสบ หรือตาบอดได้ ด้วยความรุนแรงดังกล่าว UVC จึงจัดเป็นรังสีที่ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค และการนำมาใช้งานจึงเกิดขึ้นจากการสังเคราะห์ขึ้นเองผ่านระบบ “UVGI” (Ultraviolet Germicidal Irradiation) หรือ ระบบการใช้แสงยูวีที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ (Germicidal Range)
ประโยชน์ของ UV-C
UV-C มีพลังงานสูง ความยาวคลื่นยาวกว่ารังสี X-Ray สามารถส่องทะลุผ่านผิววัตถุรวมถึงดีเอ็นเอของเชื้อโรค จึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ ที่อยู่บนพื้นผิววัตถุและในอากาศในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
หลอดไฟ UV-C
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากการใช้เครื่องฟอกอากาศแล้วยังมีการนำรังสี UV-C มาใช้ร่วมเพื่อปรับคุณภาพอากาศ และเพื่อฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นในสถานพยาบาล ห้องวิจัย อาคาร ร้านค้าต่างๆ หรือแม้แต่ในบ้านพักอาศัย และยิ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาประยุกต์ใช้ ในรูปแบบของหลอดไฟและโคมไฟแสง UV-C ที่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายลักษณะ เช่น
- เพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ (Air Disinfection) โดยการติดตั้งบนผนังหรือเพดาน
- เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่พื้นผิวของวัตถุ (Surface Disinfection) เช่นในรูปแบบของรถเข็นโดยส่องไปยังบริเวณพื้นห้อง เฟอร์นิเจอร์ ราวจับ ภาชนะบรรจุ หรืออุปกรณ์ต่างๆ
- เพื่อฆ่าเชื้อโรคในของเหลว (Liquid Disinfection) เช่นการฆ่าเชื้อในน้ำ เครื่องกรองน้ำ ตู้ปลา หรือสระว่ายน้ำ รวมถึงในอาหารสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร
การใช้งาน
- ต้องถูกเชื้อโรคโดยตรง ในระยะเวลาที่เพียงพอ
ประสิทธิภาพในการยับยั้งและทำลายเชื้อโรคของ UV-C ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ ระยะห่าง ประเภทของพื้นผิวหรือวัตถุ รวมถึงชนิดของเชื้อโรค เนื่องจากเชื้อโรคบางชนิดสามารถทนต่อรังสีได้นาน - ควรใช้ในที่อากาศแห้ง
รังสี UV-C จะมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อใช้ระดับความเข้มข้นน้อยในสถานที่ที่มีสภาพอากาศแห้ง หากใช้ในอากาศชื้นมากๆ จะต้องเพิ่มความเข้มของรังสีเป็นสองเท่า - ความเข้มแสงลดลงตามระยะห่าง
ความเข้มของรังสีจะลดลงตามระยะห่างจากหลอดไฟ ประสิทธิภาพของแสงจึงอาจไม่เพียงพอในห้องที่มีปริมาตรขนาดใหญ่หรือมีฝ้าเพดานสูง อาจต้องเพิ่มจำนวนหลอด
ข้อพึงระวัง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
ในขณะที่ UV-C มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคหลากหลายชนิด แต่ก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ สามารถทำร้ายผิวหนังและเยื่อบุตาของคนและสัตว์ส่งผลให้ตาบอดได้ การใช้งานต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังอย่างเคร่งครัด - ใช้ในพื้นที่ปิด ขณะเปิดใช้งานต้องไม่มีคนอยู่
ต้องมั่นใจว่าขณะเปิดใช้งานไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้นๆ ควรมีไฟหรือสัญญาณแสดงเพื่อแจ้งเตือนว่าขณะนี้มีการเปิดใช้งานหลอด UV-C และควรมีระบบรีโมตในการเปิดปิดระยะไกล หรือใช้วิธีการเปิดปิดไฟได้สองทาง หรือมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวซึ่งจะปิดไฟอัตโนมัติเมื่อมีคนเข้ามาใกล้ - ผลิตภัณฑ์ต้องได้มาตรฐาน
ควรเลือกใช้หลอดไฟที่มีมาตรฐานควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานในระดับสากลโดยองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะในสถานพยาบาลที่ต้องมีมาตรฐานสำหรับใช้ในการโรงพยาบาลโดยเฉพาะเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค
บี. กริม เทรดดิ้ง เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Philips สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ได้มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล และมีการรับประกันสินค้า
หลอดไฟ UV-C ของ Philips มาพร้อมระบบ Dynalite UV-C Control ที่ควบคุมปริมาณรังสีในปริมาณที่เหมาะสม และป้องกันการสัมผัสที่เป็นอันตราย มีระบบตั้งเวลาและสัญญาณแจ้งเตือนว่าระบบกำลังทำงาน มีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวเพื่อหยุดทำงานทันทีหากพบว่าสถานที่มีการใช้งานอยู่หรือหากประตูเปิดเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี UV-C สัมผัสถูกคนหรือสัตว์
สอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://bgrimmtechnologies.com/contact-us/
อีเมล: [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : +66 (0) 2710 3232
Line : https://lin.ee/ItAW7DS @bgrimmtrading